Angle Wings รอยสักในตำนานของ สตีเฟ่น ไอร์แลนด์

เสมือนว่านักกีฬากับรอยสักจะกลายเป็นของคู่กันไปแล้วในปัจจุบันนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นวงการกีฬาใดก็ตาม จะมีผู้เล่นมืออาชีพขวัญใจแฟน ๆ อวดรอยสักกันต่อหน้ากล้องเวลาถ่ายทอดสด ราวกับว่าต้องการจะสื่อสารและถ่ายทอดเรื่องราวอันเป็นคุณลักษณะเฉพาะตัวที่เล่าขานผ่านงานศิลปะบนเนื้อหนังมังสาของพวกเขาเอง เช่นเดียวกันกับ สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ นักเตะชาวไอร์แลนด์ที่เรากำลังจะพูดถึงรอยสักอันเป็นตำนานของเขาในวันนี้

ปีกแห่งเทวา

สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ เป็นที่รู้จักกันดีจากการดำรงตำแหน่งเป็นมิดฟิลด์ของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตั้งแต่สมัยเขายังเยาว์วัย อีกทั้งยังเป็นกองกำลังสำคัญให้กับทีมชาติไอร์แลนด์อีกด้วย แต่แล้วเรื่องราวทุกอย่างก็เข้าสู่จุดพลิกผลันเมื่อเขาโกหกกับทางไอร์แลนด์ว่าคุณยายเสียชีวิต เพื่อที่จะกลับบ้านไปดูแลภรรยาที่แท้งลูก จุดนี้เองที่เปรียบเสมือนรอยด่างพร้อยของเขาและเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ สตีเฟ่นใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับลูกหนังมานาน และทุก ๆ เศษเสี้ยวของวันวานหลอมรวมให้เขาปรับปรุงตัวและยอมรับความผิดพลาดเมื่อในอดีต

และอีกหนึ่งสิ่งที่เราจะได้เห็นกันมากจนชินตาคือรอยสักรูปปีกที่กลางหลังของเขา ที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับแฟน ๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่มันปรากฏตัวต่อสายตาสาธารณชน ในบรรดารอยสักกว่าสิบแห่งของเขา ปีกของเทวดาที่หุบไว้ตรงกลางหลังคือหนึ่งในรอยสักที่โดดเด่นที่สุด มันโชว์อยู่ในเว็บจัดอันดับรอยสักยอดเยี่ยมของนักเตะ แน่นอนว่ายอดแย่ด้วยเช่นกัน แต่ดูจากกระแสแล้วหลายคนคงเห็นไปในทางบวกมากกว่า

ปีกนั้นโอบคลุมแผ่นหลังของเขาด้วยน้ำหมึกและขนนกเป็นจำนวนหลายสิบอัน ที่สำคัญคือในแต่ละซีกของขนนกยังมีชื่อของคนที่เขารักเขียนเอาไว้ติดตัวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ภรรยา หรือลูก ๆ เองก็ตาม ที่สำคัญ รอยสักนี้ยังใช้เวลาถึงสี่ปีกว่าจะแล้วเสร็จ เหมือนเป็นอีกหนึ่งรอยสักที่รวมเดินทางไปกับชีวิตนักเตะแข้งทองคนหนึ่ง ที่มีคนรอบข้างคอยติดตามและให้กำลังใจสตีเฟ่นมาโดยตลอดในทุก ๆ วัน

เทวดาตกสวรรค์

เรื่องปีกของสตีเฟ่นยังทำให้เรานึกถึงปีกของลูซิเฟอร์ หรือที่รู้จักกันว่าเป็นเทวดาตกสวรรค์อีกด้วย ด้วยช่วงชีวิตในบางครั้งที่พบเจอกับอุปสรรค ให้เขาได้รับความเจ็บปวด เป็นเสมือนฝันร้ายกลาย ๆ ที่ไม่นานก็จะผ่านพ้นไป ด้วยความบาดเจ็บทั้งทางกายและใจผ่านทางสายอาชีพนักฟุตบอลตราบใดที่ยังไม่แขวนสตั๊ด ถึงแม้ตัวเขาเองอาจไม่ได้ชอบมันนัก จากการโพสต์ลงในโซเชียลว่าฟุตบอลนี่มันห่วย แล้วทำไมเขาจะต้องมาจมปลักอยู่กับมันด้วย แต่ตัวเขาเองก็ยังยืนยันว่าตัวเองไหวและพร้อมสำหรับการแข่งขันทุกแมทช์ในอีกอย่างน้อย ๆ ก็สามถึงสี่ปีข้างหน้า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *