ถอดรหัส “รอยสัก” สุดเข้มของหนุ่มนักร้องเพลงร็อคอย่าง “แบงค์ แคลช”

หากจะพูดว่าเสียงดนตรีและเพลงร็อค คือ ศิลปะของศิลปินอย่างหนึ่งที่มีไว้เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของผู้ประพันธ์เพลง ที่ต้องการถ่ายทอดออกมายังคนฟังด้วยท่วงทำนองที่กระชับและหนักแน่น ให้ความรู้สึกเร่งเร้าอยากที่จะโยกย้ายไปมาตามจังหวะของดนตรีแล้วล่ะก็ “รอยสัก” ก็คงเปรียบเหมือนสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่ผู้เป็นเจ้าของตั้งใจและต้องการให้เป็นเครื่องสื่อความหมายของถ้อยคำที่บ่งบอกถึงตัวตนหรือความทรงจำของตนเองได้เฉกเช่นเดียวกัน

โดยหนุ่มแบงค์ ปรีติ บารมีอนันต์ หรือที่สาวกเพลงร็อครู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อ “แบงค์ วง แคลช” ก็เป็นอีกหนึ่งนักร้องเพลงร็อคที่เลือกจะสื่อความรู้สึกของเขาผ่านรอยสัก โดยเขามีรอยสักสุดเข้มที่แฟน ๆ ของเขาคลั่งไคล้ ถึงกับขนาดที่ว่ามีแฟนเพลงบางคนนำรอยสักบนร่างกายของเขาไปเป็นต้นแบบในการสักบนเรือนร่างของตนเองก็มี และด้วยความที่หนุ่มแบงค์มองว่ารอยสักไม่ใช่เพียงแค่แฟชั่นแต่เป็นการแสดงออกถึงความคิด ตัวตนของเขา เขาจึงค่อนข้างที่จะให้ความสำคัญกับการเลือกลายที่จะสักเป็นอย่างมาก จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมรอยสักทุกรอยที่จะไปอยู่บนตัวของเขาจะต้องผ่านการคิดมาแล้วอย่างถี่ถ้วน แถมยังต้องถูกสเก็ตช์ด้วยตัวของเขาเองก่อน เพื่อให้ได้ต้นแบบที่จะใช้ในการสักนั้นตรงใจกับความต้องการของเขามากที่สุดนั่นเอง ดังนั้นเราไปถอดรหัสรอยสักบนตัวหนุ่มคนนี้กันเลยดีกว่าว่ามีลวดลายอะไรบ้าง และแต่ละลายนั้นมีความหมายหรือมีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร

เริ่มกันที่รอยสักแรกของหนุ่มแบงค์ ซึ่งหลาย ๆ คนก็คงจะเคยมีโอกาสได้เห็นกันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย นั่นก็คือ รอยสักรูปดวงอาทิตย์ที่บริเวณหัวไหล่ทางด้านซ้ายของเขา ซึ่งความหมายของรอยสักรูปนี้ก็คงจะเป็นการที่ดวงอาทิตย์นั้นไม่มีวันดับนั่นเอง ส่วนลวดลายมังกรบริเวณแขนด้านขวานั้นสื่อถึงความเป็นอมตะที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน สัญลักษณ์นี้ก็จะยังคงอยู่ตลอดกาล รอยสักรูปที่สาม คือ รูปไมโครโฟนที่บริเวณกลางหน้าอก ซึ่งมีการสักข้อความตัวอักษรฟอนต์สวยงาม ใจความว่า “My Voice is my savior” ซึ่งที่มาที่ไปของความหมายของข้อความนี้นั้น แบงค์มองว่าเสียงของเขาที่พระเจ้าให้มาเปรียบเหมือนทุก ๆ อย่างของเขา เพราะเสียงเป็นสิ่งที่เขาใช้ในการร้องเพลงเพื่อหาเลี้ยงชีพ และยังช่วยให้เขาสามารถดูแลครอบครัวของเขาเองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย และสุดท้ายหนุ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องความกตัญญูเป็นอย่างมาก รอยสักที่จะขาดไปเสียไม่ได้ ก็คือ รอยสักชื่อพ่อกับแม่ของเขา ซึ่งถูกสักเอาไว้ที่แขนทั้งสองข้าง เพื่อคอยเตือนสติและใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้แก่เขานั่นเอง

จบลงแล้วกับการถอดรหัสรอยสักของหนุ่มแบงค์ ซึ่งสามารถใช้เป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดีว่า นอกจากความสวย ความเป็นศิลปะของตัวรอยสักแล้ว จิตวิญญาณ ความรู้สึกนึกคิดบางอย่าง ก็สามารถถ่ายทอดออกมาผ่านรอยสักบนเรือนร่างมนุษย์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย