รอยสักไซส์มินิสไตล์ MINIMAL TATTOO
ในยุคสมัยใหม่ที่สังคมโลกให้กำเนิดสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมามากมาย ทั้งเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ศิลปะ และอื่น ๆ อีกมากมาย ก็ได้มีศิลปะแนวทางใหม่เกิดขึ้นมาด้วยคือ Minimal Art ซึ่งมีความหมายว่า ศิลปะแบบตัดทอน ก็คือการทำให้มันน้อยลง ตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป แต่ยังคงความหมาย อารมณ์ ความรู้สึกไว้เหมือนเดิม หรืออาจจะให้ความรู้สึกใหม่ ๆ ความหมายใหม่ ๆ เกิดขึ้นมา คล้ายกับการทำน้อยแต่ได้มาก อิทธิพลของศิลปะแบบ Minimal ได้แพร่ขยายไปสู่ศาสตร์แขนงอื่น ๆ อีกมากมายจนทำให้เกิดเป็นรสนิยมแบบ Minimal เช่น แฟชั่น การออกแบบ สถาปัตยกรรม หรือแม้แต่ Tattoo ซึ่งได้พัฒนามาเป็นการสักในสไตล์ Minimal Tattoo อย่างทุกวันนี้
ปัจจุบันรอยสักแนว Minimal Tattoo ได้รับความนิยมชมชอบจากกลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษาเป็นอย่างมาก ด้วยลักษณะและขนาดที่เล็ก มีรูปร่างหรือรูปทรงที่กะทัดรัด ดูสะอาดสะอ้าน ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นงานที่เป็นลายเส้นน้อย ๆ เป็นจุดเล็ก ๆ นิยมสักไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายพอให้ดูน่ารัก ๆ บ้างอาจจะสักเป็นตัวการ์ตูน บ้างอาจสักเป็นตัวหนังสือ และที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็น่าจะเป็นการสักเชิงสัญลักษณ์สื่อความหมายอย่างเช่น ตัวอักษรรูน หรือ Rune Tattoo อักษรรูนนั้นเป็นอักขระตัวอักษรในภาษาเก่าแก่ของประเทศเยอรมัน ที่มีความอิสระในด้านความหมายเพราะความหมายของตัวอักษรรูนสามารถเปลี่ยนไปตามความเชื่อของแต่ละพื้นที่ ก็แล้วแต่ว่าใครจะสักอะไรและเชื่อว่าตัวอักษรนั้นมีความหมายเกี่ยวกับอะไรนั่นเอง ส่วนใครที่เป็นชาวฮิปปี้รักธรรมชาติและการใช้ชีวิตก็มักจะนิยมสักในแนว Glyphs Tattoo ซึ่งเป็นรอยสักที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในสมัยนี้ ด้วยความเรียบง่ายที่ใช้รูปทรงทางเลขาคณิตเข้ามาดัดแปลงให้เป็นรอยสักและให้ความหมายที่ลึกซึ้งไว้ในแต่ละตัวอักษร หรือคนบางกลุ่มชื่นชอบในเรื่องของดาราศาสตร์ การดูดาว ก็มักจะสักเป็นรูปของตำแหน่งดาวหรือกลุ่มดาวที่ตัวเองชื่นชอบ และคนที่ชอบต้นไม้ใบหญ้า ป่าเขา ก็มักจะนิยมสักรูปดอกไม้ที่มีสีสันสดใสหรือใบไม้สีเขียวเป็นรูปเล็ก ๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความรักในธรรมชาติและพืชพันธุ์นานาชนิด ถึงแม้ว่ารอยสักแนว Minimal Tattoo จะใช้พื้นที่ในการสักน้อย ไม่ได้มีสีสันฉูดฉาด ไม่มีรายละเอียดยิบย่อยเหมือนรอยสักแนวอื่น ๆ แต่มันมีความหมายที่ลึกซึ้งและทรงพลังในตัวของมันเอง
เมื่อโลกหมุนไปไม่มีหยุด พัฒนาการของรอยสัก ก็หมุนไปไม่มีหยุดเช่นกัน จากรอยสักที่เน้นการถมดำ เน้นการใส่สีสันลงไปให้ดูทึบและเต็ม ก็พัฒนามาสู่รอยสักที่มีเพียงเส้นไม่กี่เส้น จุดไม่กี่จุด สีไม่กี่สี จากรอยสักที่ใช้พื้นที่เต็มแขนเต็มขา ถูกตัดทอนออกไปจนเหลือเป็นรอยสักขนาดเท่าเหรียญบาท จากที่ต้องสักกันหลาย ๆ ครั้ง สักวันนี้แค่มาลงเส้น มาอีกครั้งแค่ลงเงา จนสุดท้ายมาลงสี จนเปลี่ยนมาเป็นการสักที่จิ้มเข็มลงไปเพียงไม่กี่ครั้งและใช้เวลาสักแค่ไม่กี่นาที มันบอกให้รู้เลยว่ามนุษย์เราสามารถพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นไปตามยุคตามสมัยตามความต้องการของตนเองได้เสมอ